วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น

การเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น



ก้าวแรก ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นรู้สึกว่านี้เราต้องมาอยู่คนเดียวหรอนี้ เพราะว่าไม่เคยอยู่ห่างจากบ้านอันอบอุ่นเกิน 3 วันเลย จึงรู้สึกเหงาๆและไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถอยู่ที่นี้ได้โดยไปกลับบ้านเกิน 1 อาทิตย์หรือป่าว ภาพที่จามได้ติดตาคือภาพที่เห็นแม่ของเรานั้นนั่งรถ ห่างออกไป ห่างออกไปทุกที รู้สึกใจมันหายวาปเลยที่เดียว ว่าแล้วก็เลยน้ำตาไหลเลย และก็เลยคิดว่าตัวเองเด็กน้อยมากมาย นับจากวินาทีนั้นต้องบอกตัวเองว่าโตซะที เพราะนี้คือการจำลองชีวิตที่ต้องออกไปเผชิญเอง คิดเอง ตัดสินใจเอง ใช้จ่ายเอง และรับผิดชอบการกระทำของตนเอง ทั้งในด้านบวกและลบ ดังนั้นจึงเลิกร้องไห้และรีบเดินกลับหอ ในปี 1 นี้เราคิดว่าเพื่อน ๆพี่ๆ น้องเกือบทุกคนส่วนใหญ่ก็ต้องได้เข้ามาอยู่ หอใน ของมหาวิทยาลัย เพราะหอในเป็นหอที่ปลอดภัยเมื่อเรายังไม่รู้จักที่นั้นดี และก็ทามให้เราได้มีเพื่อนคนแรก คือ รูมเมทของเรานั้นเอง


ก้าวที่สอง เป็นก้าวแห่งมิตรภาพคือ การได้เข้าร่วมกลุ่มสัมพันธ์เป็นกิจกรรมที่ทำให้ราได้พบกับเพื่อนใหม่มากมาย จากต่างคณะ ต่างสาขาวิชา ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน มีพี่เลี้ยงคอยดูแลเราเป็นอย่างดี สอนให้เราร้องเพลงมหาวิทยาลัย รู้จักรักสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ และจากกลุ่มสัมพันธ์นี้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง คือ การปรับตัวเข้าหาเพื่อนต่างคณะ ต่างสาขา ที่มีนิสัยแตกต่างกันไป บางคนขี้อาย บางคนก็พูดเก่ง ทำให้ทุกวันที่มีกลุ่มสัมพันธ์จะเป็นวันที่มความสุข และไม่อยากให้จบลงเลย แต่พอได้ผ่านการทดสอบอันแสนทรหดในวันร้องเพลงมหาลัยมันก็จบลงด้วยมิตรภาพ และความสุข







ก้าวที่สาม การพบเพื่อนในสาขาและการเรียนที่แตกต่างกับการเรียนในชั้นมัธยม เพื่อนในสาขาในตอนแรกก็เลือกนั่งเรียนกะคนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันก่อนเพราะยังไม่กล้าที่จะคุยกะใคร และการเรียนก็เริ่มด้วยการปูพื้นฐานก่อนยังไม่ยากมาก เหมาะสำหรับการค่อยปรับตัว และในบางวิชาก็จะมีการให้จับกลุ่มทำงานกัน กิจกรรมนี้แหล่ะที่ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนในสาขาเกือบทุกคน และก็ได้เพื่อนสนิทมา และกลายเป็นกลุ่มเดียกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สนิทกะเพื่อนคนอื่นนะ พอยุกันมา 2 ปี เราก็สนิทกับเพื่อนต่างกลุ่มบ้าง ทำให้เวลาทำงานสาขามีอะไรก็ช่วยกันได้ดี










ก้าวที่สี่ การสอบ อันนี้สิปัญหาใหญ่ เพราะการสอบของมหาวิทยาลัยคือการเขียนบรรยาย มิใช่ข้อสอบกาอีกต่อไป ทำให้เราต้อง อ่านหนังสืออย่างหนัก คิดว่าน่าจะหนักกว่าตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เพราะว่ามีความจำเป็นที่ต้องจำใจคามสำคัญ และนำไปเขียนให้ได้มากที่สุด ต้องมีการฝึกการวิเคราะห์และการเขียนข้อสอบให้ตรงประเด็น เล่นเอาน้องใหม่หลายคนเสียวไปตามๆกัน









สุดท้ายและท้ายสุด
เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่นแห่งนี้ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง รู้จักตัวเอง การปรับตัว การอยู่ด้วยตัวเอง สอนให้เป็นคนมีความรู้ มีคุณภาพ และเป็นบุคลที่ดีของสังคม นำความรู้ที่ได้กลับไปพัฒนาบ้านเกิด ประเทศชาติ และการได้มาเรียนที่นี้ทำให้ได้เจอเพื่อนสนิทที่ไม่ทอดทิ้งกัน และมิตรภาพที่ไม่มีวันจบสิ้น เราขอขอบพระคุณ คณาจารย์ทุกท่าน และ คูณแม่ที่เป็นกำลังใจให้เรามาตลอด

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ไม่รู้จะไปที่ไหนเที่ยวทะเลไทยดูซิ

Phuket


"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม "
ภูเก็ต เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ความยาวสุดของเกาะภูเก็ตวัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ประมาณ 47.8 กิโลเมตร และส่วนกว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกประมาณ 21.3 กิโลเมตร ในด้านอุตสาหกรรมมีการทำเหมืองแร่ดีบุก แร่วุลแฟรม การถลุงแร่ดีบุก การทำยางแผ่นรมควัน และการทำปลาป่น ปลากระป๋อง เป็นต้น และขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ขยายตัวอย่างมาก มีการสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานและมีบริษัทนำเที่ยวเกิดขึ้นหลายแห่ง


สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัด

เขารังเป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่หลังตัวเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รถยนต์สามารถขึ้นไปจนถึงยอดเขา เทศบาลจัดเป็นสวนสุขภาพและสวนสาธารณะ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และชมทิวทัศน์ของเมืองภูเก็ต จากยอดเขาจะแลเห็นตัวเมืองภูเก็ต ทะเลกว้าง เกาะเล็ก เกาะน้อย รวมทั้งทิวทัศน์ของเกาะทั้งใกล้และไกล



แหลมพรหมเทพอยู่ห่างจากหาดราไวประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต ชาวบ้านเรียกว่าแหลมเจ้า บริเวณแหลมพรหมเทพเป็นส่วนที่สวยงามที่สุดส่วนหนึ่งของเกาะภูเก็ต เหนือแหลมพรหมเทพเป็นที่ราบสำหรับจอดรถซึ่งอยู่บนหน้าผาสูงริมทะเล จากหน้าผานี้จะมองเห็นแหลมพรหมเทพทอดยาวออกไปในทะเล จะเห็นเกาะหลายเกาะรวมทั้งเกาะแก้ว ทางด้านขวามือจะเห็นแนวหาดทรายของหาดในหานชัดเจน จากบนหน้าผามีทางเดินลงเขาไปจนถึงสุดแหลมพรหมเทพได้ เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้งดงามยิ่งนัก





สถานแสดงพันธ์สัตว์น้ำ ตั้งอยู่ที่ปลายแหลมพันวา มีพันธุ์ปลาน้ำจืดและน้ำเค็มกว่า 100 ชนิด แสดงให้ชม เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมเด็กและนักเรียน นักศึกษา คนละ 5 บาท ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท จากตลาดบริเวณถนนระนองจะมีรถสองแถวรับจ้างออกตั้งแต่เวลา 09.00 น. ทุกๆ ชั่วโมง จนถึง 15.00 น.






อ่าวป่าตองห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนวิชิตสงคราม หรือ ทางหลวง 4020 ไป 9 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวง 4029 ไปอีก 6 กิโลเมตร เป็นอ่าวที่มีความโค้งมาก หาดทรายงดงามเป็นแนวยาว 9 กิโลเมตร น้ำทะเลใสสะอาด เหมาะแก่การเล่นน้ำมากที่สุด


การเดินทาง

รถยนต์
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ข้ามสะพานสารสิน เข้าจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 862 กิโลเมตร

รถไฟ
ไม่มีบริการรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตโดยตรง หากต้องการเดินทางโดยรถไฟต้องไปลงที่สถานีรถไฟพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วต่อรถประจำทางเข้าจังหวัดภูเก็ต สอบถามรายละเอียดได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0 2223 7010, 0 2223 7020, 0 2220 4334 หรือ www.railway.co.th

รถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปภูเก็ตทุกวัน สอบถามรายละเอียด โทร. 0 2434 7192 (รถปรับอากาศ) และโทร. 0 2434 5557-8 (รถธรรมดา) หรือ www.transport.co.th บริษัทเอกชน ติดต่อ บริษัท ภูเก็ต เซ็นทรัล ทัวร์ กรุงเทพฯ โทร. 0 2434 3233 ภูเก็ต โทร. 0 7621 3615, 0 7621 4335 และบริษัท ภูเก็ตท่องเที่ยว กรุงเทพฯ โทร. 0 2435 5018, 0 2435 5034 ภูเก็ต โทร. 0 7622 2107-9 สถานีขนส่งภูเก็ต โทร. 0 7621 1480


เครื่องบิน
มีบริการเที่ยวบินระหว่าง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ทุกวัน สอบถามตารางบิน และข้อมูลเพิ่มเติมที่สายการบินต่างๆ ดังนี้
1. การบินไทย โทร. 1566, 0 2280 0060, 0 2628 2000 สำนักงานภูเก็ต โทร. 0 7621 1195, 0 7621 2499, 0 7621 2946 หรือ http://www.thaiairways.com/
2. ภูเก็ตแอร์ โทร. 0 2679 8999 หรือ http://www.phuketairlines.com/
3. บางกอกแอร์เวส์ โทร. 0 2265 5555 หรือ http://www.bangkokair.com/
4. ไทยแอร์เอเชีย โทร. 0 2515 9999 หรือ http://www.airasia.com/
5. วันทูโก โทร.1126 หรือ http://www.fly12go.com/
6. นกแอร์ โทร. 1318 หรือ http://www.nokair.co.th/


จากประสบการโดยตรงของข้าพเจ้า


ภูเก็ตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงไหล เพราะว่าเมื่อข้าพเจ้าไปที่นั้นและได้มองเห็นสีฟ้า เขียวใส ของน้ำทะเล ทำให้ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า ข้าพเจ้าจะต้องกลับมาที่นี้อีกครั้ง ข้าพเจ้าได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ตต่างๆมากมาย แต่ที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ ที่แหลมพรหมเทพ เป็นสถานที่ชมวิวที่มองเห็นเกาะ เล็ก ใหญ่ ของจังหวัดภูเก็ตได้ถนัดตา แล้วยังมีเรื่องที่กล่าวขานกันว่า หากใครขว้างก่อนหินจากแหลมพรหมเทพแล้วก้อนหินนั้นตกลงน้ำได้ คำอธิฐานที่ขอนั้นจะเป็นจริง และข้าพเจ้าก็ได้ลอง แต่ไม่สามารถขว้างให้หินหล่นลงน้ำได้ เนื่องจากที่แหลมนั้นมีลมพัดเข้าแรงมาก การขว้างหินให้หล่นลงน้ำจึงทำได้ยาก จึงเป็นเรื่องที่น่าท้าทายสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปทดลอง ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ที่ภูเก็ตข้าพเจ้ามีความสุขมากที่ได้เห็นอะไรแปลกๆใหม่ๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติของทะเลฝั่งอันดามันของไทย ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าทะเลไทยสวยไม่แพ้ชาติใดเลยที่เดียว สำหรับท่านผู้ที่ได้อ่าน บทความนี้แล้วยังไม่เคยสัมผัสมันด้วยตัวเองหล่ะก็ ลองไปเที่ยวที่ภูเก็ตดูสิ แล้วกลับมาถามตัวเองดูว่าท่านคิดเหมือนข้าพเจ้าหรือเปล่า ทะเลไทย ไม่ไปไม่รู้นะจ๊ะ

การบริหาร







การบริหาร


การบริหาร

การบริหาร หมายถึง ศิลปะในการทำให้สิ่งต่าง ๆ ได้รับการกระทำจนเป็น ผลสำเร็จ กล่าวคือ ผู้บริหารไม่ใช้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้ใช้ศิลปะทำให้ผู้ปฏิบัติทำงานจนสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ผู้บริหารตัดสินใจเลือกแล้ว (Simon)
การบริหาร คือ กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ (Sergiovanni)
การบริหาร คือ การทำงานของคณะบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่รวมปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน (Barnard)


การบริหารเป็นกระบวนการทางสังคมที่สามารถมองเห็นได้ 3 ทางคือ
1. ทางโครงสร้าง เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ตามลำดับขั้นตอนของสายการบังคับบัญชา
2. ทางหน้าที่ เป็นขั้นตอนของหน่วยงานที่ระบุหน้าที่ บทบาท ความรับผิดชอบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้สำเร็จเป้าหมาย 3. ทางปฏิบัติ เป็นกระบวนการที่บุคคลและบุคคลต้องการร่วมทำปฏิกิริยาซึ่งกันและกัน (Getzals & Guba)

ทรัพยากรในการบริหาร


ทรัพยากรในการบริหารประกอบด้วย หลัก 4M -------->> 3E คือเราต้องใช้ทรัพยากรในการบริหารให้เกิด ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และการประหยัดสูงสุด4M คือ ทรัพยากรในการบริหาร มี 4 อย่าง คือ








1. บุคลากร(Man)



2. งบประมาณ(Money)



3. วัสดุอุปกรณ์(Material)



4. ระบบการจัดการที่ดี(Management)



** 3E คือ ประสิทธิภาพ (Efficiency) , ประสิทธิผล (Effectiveness) , การประหยัด (Economy)

ทฤษฎีการบริหาร


ยุคนักทฤษฎีการบริหารสมัยดั้งเดิม (The Classical organization theory) แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ของเทย์เลอร์(Scientific Management)

ของเฟรดเดอริก เทย์เลอร์ (Frederick Taylor) ความมุ่งหมายสูงสุดของแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์คือ จัดการบริหารธุรกิจหรือโรงงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด Taylor มองคนงานแต่ละคนเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่สามารถปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตขององค์การได้ เจ้าของตำรับ “The one best way” คือประสิทธิภาพ
สรุปหลักวิทยาศาสตร์ของเทยเลอร์สรุปง่ายๆประกอบด้วย 3 หลักการดังนี้
1. การแบ่งงาน (Division of Labors)
2. การควบคุมดูแลบังคับบัญชาตามสายงาน (Hierarchy)
3. การจ่ายค่าจ้างเพื่อสร้างแรงจูงใจ (Incentive payment)

2. กลุ่มการบริหารจัดการ(Administration Management)

ฟาโยล (Henri Fayol) บิดาของทฤษฎีการปฏิบัติการและการจัดการตามหลักบริหาร ทั้ง Fayol และ Taylor จะเน้นตัวบุคลปฏิบัติงาน + วิธีการทำงาน ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลแต่ก็ไม่มองด้าน “จิตวิทยา” (ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 17)Fayol ได้เสนอแนวคิดในเรื่องหลักเกี่ยวกับการบริหารทั่วไป

3. ทฤษฎีบริหารองค์การในระบบราชการ(Bureaucracy)

มาจากแนวคิดของ แมกซ์ เวเบอร์ (Max Weber) ที่กล่าวถึงหลักการบริหารราชการประกอบด้วย

3.1 หลักของฐานอำนาจจากกฎหมาย

3.2 การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ ที่ต้องยึดระเบียบกฎเกณฑ์

3.3 การแบ่งงานตามความชำนาญการเฉพาะทาง

3.4 การแบ่งงานไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว

3.5 มีระบบความมั่นคงในอาชีพ
4.อูชิ (Ouchi ) ชาวญี่ปุ่นได้เสนอ ทฤษฎี Z (Z Theory) (William G. Ouchi)
ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย UXLA (I of California Los Angeles) ทฤษฎีนี้รวมเอาหลักการของทฤษฎี X , Y เข้าด้วยกัน แนวความคิดก็คือ องค์การต้องมีหลักเกณฑ์ที่ควบคุมมนุษย์ แต่มนุษย์ก็รักความเป็นอิสระ และมีความต้องการหน้าที่ของผู้บริหารจึงต้องปรับเป้าหมายขององค์การให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบุคคลในองค์การ